จริงหรือไม่? กินไก่แล้วเป็นเก๊า
จริงหรือไม่ กินไก่แล้วเป็นเก๊า
เป็นเวลาที่ยาวนานที่เราได้ยินเรื่องการกินไก่แล้วจะทำให้ เป็นเก๊า ซึ่งในความจริงนั้นเนื้อไก่มีสารพิวรีนในปริมาณไม่ได้สูงมากนัก ผู้ป่วยโรคเก๊า สามารถบริโภคได้โดยที่ไม่เป็นอันตราย
ดังนั้นเราจึงควรมาทำความรู้จักโรคเก๊า เพื่อที่จะได้ทำการป้องกัน และรักษาอย่างถูกต้องกันดีกว่า
โรคเก๊า เกิดจากการตกตะกอนของผลึกยูริก ที่เกิดจากการที่ร่างกายสลายพิวรีนจากอาหารและขับออกได้ไม่เพียงพอตามข้อต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง โรคเก๊า นี้มักพบได้ในผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปี หรือหน้าหญิงที่มีโรคประจำตัวที่ควบคุมได้ไม่เหมาะสม อาการของผู้ป่วยโรคเก๊า โดยมากจะเป็น อาการปวดข้อ ข้อร้อนบวมแดง บางครั้งอาการปวดจะมากจนไม่สามารถสัมผัสได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณนิ้วโป้งเท้าทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถลงน้ำหนักได้ แต่ก็สามารถพบได้ในข้ออื่นๆในร่างกายได้อีกเช่นกัน
ความเสี่ยงในการเกิดอาการ โรคเก๊า อาทิเช่น
1.ประวัติ โรคเก๊า ในครอบครัว
2.น้ำหนักมากหรือภาวะโรคอ้วน
3.รับประทานอาหารที่มีพิวรีนสูง
4.ดื่มแอลกอฮอล์
5.มีประวัติโรคประจำตัวเช่นเบาหวาน ความดัน และโรคไต
เป็นเก๊าห้ามกินอะไร อาหารอะไรบ้างที่มีปริมาณพิวรีนสูง แนะนำให้หลีกเลี่ยงในผู้ป่วยโรคเก๊าคือ
1.เครื่องในสัตว์
2.เนื้อสัตว์ที่มีสีแดง
3.อาหารทะเล เช่น หอย กุ้ง ปู ปลาแซลมอน ทูน่า เป็นต้น
4.แอลกอฮอล์
5.น้ำที่มีรสหวาน
6.ผักบางชนิด เช่น หน่อไม้ สะเดา ยอดกระถิน ชะอม ตำลึง เป็นต้น