top of page

รวมวิตามินผิวใส

รวมวิตามินผิวใส

โดย พญ. พิมพา ตันธนศรีกุล แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

 

1.   วิตามินเอ

มีความสำคัญในกระบวนการต่างๆ ของผิวหนัง วิตามินเอในรูปแบบทาช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฝ้า กระ รอยดำ และริ้วรอยเนื่องจากสามารถกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนที่ผิวหนังได้ นอกจากนี้วิตามินเอในรูปแบบรับประทานยังได้ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น สิว เนื่องจากออกฤทธิ์ลดการสร้างน้ำมัน (sebum) และปรับกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้กลับเป็นปกติทำให้ลดโอกาสการอุดตันซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว


วิตามินเอชนิดเรตินอล (retinol) และ เรตินิล เอสเธอร์ (retinyl ester) พบได้ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ นมวัว ปลา ส่วนวิตามินเอในกลุ่มโปรวิตามินเอ ได้แก่ เบตา-แคโรทีน และแคโรทีนอยด์ พบได้ในผักมีสีต่างๆ จำพวกฟักทอง มะเขือเทศ มะละกอ หรือผักใบเขียวเข้ม เป็นต้น  


 

แอสตาแซนธิน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งสกัดได้จากสาหร่ายสีแดงชื่อ Haematococcus pluvialis โดยแอสตาแซนธินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ มีความสามารถในการต้านการอักเสบได้ดี สารสกัดจากแอสตาแซนธินไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบทาหรือรูปแบบรับประทานสามารถซ่อมแซมผิวหนังที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด, ลดริ้วรอย, ลดการสูญเสียความชุ่มชื้นออกจากผิว รวมถึงฟื้นฟูคอลลาเจนในผิวหนังชั้นหนังแท้จึงมีประโยชน์ในการชะลอวัยของผิวพรรณ



2.   วิตามินบี 3 หรือ ไนอะซินาไมด์

มีฤทธิ์ลดการอักเสบ และเสริมสร้างความแข็งแรงของผิวหนังโดยเฉพาะไปเพิ่ม ceramide ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการเสริมสร้างปราการผิวให้แข็งแรงและลดการสูญเสียความชุ่มชื้นออกจากผิว นอกจากนี้ไนอะซินาไมด์ยังออกฤทธิ์ซ่อมแซมผิวหนังในระดับดีเอ็นเอ จึงถูกนำมาใช้ในการลดเลือนริ้วรอยและชะลอวัย เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และเนื่องจากมีความสามารถในการลดการอักเสบ จึงสามารถรักษารอยแดงที่เกิดจากสิว อาหารที่พบมีปริมาณวิตามินบี 3 เป็นปริมาณมากได้แก่ เนื้อแดง เนื้อไก่ ตับ ปลาทูน่า ถั่วลิสง ข้าวที่ไม่ขัดสี และอะโวคาโด



3.   วิตามินบี 7 หรือ ไบโอติน

พบได้ในเนื้อสัตว์ ปลาแซลมอน หอยนางรม ธัญพืช นม ไข่ กะหล่ำปลี   ไบโอตินมีบทบาทเด่นในกระบวนการสร้างเคราติน ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักในการสร้างความแข็งแรงให้กับผมและเล็บ จึงนำมาใช้เสริมการรักษาโรคผิวร่วงและเสริมสร้างความแข็งแรงของเล็บ



4.   วิตามินซี

พบได้ในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม ฝรั่ง มะขามป้อม และเบอรี่ชนิดต่างๆ โดยวิตามินซีเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในกระบวนการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังชั้นหนังแท้และยังมีฤทธิ์โดดเด่นในการต้านอนุมุลอิสระ วิตามินซีจึงมักถูกในมาใช้ป้องกันผิวจากการถูกทำร้ายด้วยแสงแดด ลดกระบวนการทำลายผิวที่เกิดจากรังสียูวี รวมถึงเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวพรรณ นอกจากนี้วิตามินซียังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือดไม่ให้เปราะแตกได้ง่าย



5.   วิตามินดี

พบมากในอาหารจำพวกน้ำมันตับปลาและน้ำมันปลา ปลาแซลมอน นม ไข่แดง นอกจากนี้ร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้ที่ผิวหนังหลังจากโดนแสงอาทิตย์ วิตามินดีมีหน้าที่หลักเกี่ยวกับการปรับสมดุลแคลเซียมในระดับเซลล์ซึ่งทำให้กระบวนการทำงานของเซลล์เป็นไปอย่างปกติ นอกจากนี้วิตามินดียังเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเป็นไปอย่างปกติ นอกจากนี้วิตามินดียังช่วยลดการเกิดการทำลายของดีเอ็นเอภายหลังการโดนรังสียูวี ด้วยคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับกลไกสำคัญต่างๆในระดับเซลล์ดังที่ได้กล่าวไป วิตามินดีจึงถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคผิวหนังอย่างหลากหลาย เช่น โรคสะเก็ดเงิน สิว โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง และโรคผมร่วงเป็นหย่อม เป็นต้น   



6.   วิตามินอี หรือ โทโคเฟอรอล 

พบได้ในน้ำมันมะกอก น้ำมันทานตะวัน ข้าวโพด ถั่วเหลือง และผักใบเขียว วิตามินอีทำงานร่วมกันกับวิตามินซีในการต้านอนุมุลอิสระ จึงสามารถป้องกันริ้วรอยจากความชรา ปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้ายจากแสงแดด ลดการเกิดฝ้า และยังมีประโยชน์ในการลดสิวอักเสบอีกด้วย  การขาดวิตามินอีจะทำให้ผิวแห้งกร้านและทำให้ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่ผิวหนังลดลง


7.   โคเอนไซม์ Q10

เป็นสารต้านอนุมุลอิสระอีกตัวหนึ่งซึ่งมีหน้าที่สำคัญในกระบวนการสร้างพลังงานในระดับเซลล์ โคเอนไซม์ Q10 ช่วยลดการถูกทำร้ายของผิวจากความเครียดซึ่งมาจากปัจจัยภายนอกและภายใน  รวมถึงชะลอกระบวนการแก่ชราของเซลล์ผิวหนัง  จึงมีประโยชน์ในการปกป้องผิวไม่ให้เสื่อมก่อนวัย โคเอนไซม์ Q10 พบมากในน้ำมันปลา ปลาทะเลน้ำลึก ถั่วเหลือง บรอคโคลี และรำข้าว



bottom of page