โรคทางใจ รู้เร็ว ป้องกันได้ ไม่ต้องทานยา

เป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว ถ้าใครไม่รู้จักโรคซึมเศร้า ในสมัยก่อนเวลาใครที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิตหรือเป็นโรคทางใจแล้วไปพบจิตแพทย์หรือปรึกษานักจิตวิทยา กลับถูกมองว่าเป็นผิดปกติ

ทำให้หลายคนเลือกที่ปฏิเสธไม่ยอมรับความเป็นจริง ว่ามีตนเองเริ่มมีปัญหาสุขภาพจิตเกิดขึ้น และความกลัวไม่เป็นที่ยอมรับจากสังคมรอบข้าง กลัวถูกมองว่าเป็นคนอ่อนแอ หรือล้มเหลว ทำให้ปฏิเสธการรักษาจนเกิดเป็นโรคเรื้อรังตามมา

สังคมรอบตัวจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสังเกต สนับสนุน และร่วมสร้างความเข้าใจ ให้เกิดค่านิยมใหม่ในการดูแลสุขภาพจิต ว่าโรคทางใจมีอยู่จริง ใคร ๆ ก็เป็นได้ มาร่วมสร้าง New normal ใหม่ ให้การดูแลโรคทางใจให้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย

ส่วนจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ต้องพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ สามารถดูได้จากสัญญาณเตือน 3 ด้าน ง่ายๆดังนี้

1. สัญญาณเตือนด้านอารมณ์

มีความเครียด หรืออารมณ์รุนแรงมากกว่าปกติ เป็นต่อเนื่องยาวนาน ไม่หายไป หงุดหงิดกระวนกระวาย ควบคุมได้ยาก เริ่มมีผลกระทบในความสัมพันธ์บุคคลรอบข้าง

2. สัญญาณเตือนด้านความคิด

คิดลบ มีความคิดวนเวียนกับเรื่องเดิม ๆ ไม่สามรถสลัดความคิดออกจากหัวได้ ขาดสมาธิในการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน หลงลืมมากกว่าปกติ ประสิทธิภาพในการตัดสินใจหรือแก้ปัญหาลดน้อยลง ได้ยินเสียงแว่วหรือเห็นภาพที่ผู้อื่นไม่เห็น

3. สัญญาณเตือนด้านพฤติกรรม หรือร่างกาย

มีปัญหาด้านพฤติกรรมผิดไปจากเดิม หรือมีพฤติกรรมเสพติด เช่น ติดเกม การพนัน สารเสพติด ชอปปิง ไม่สนใจดูแลตนเองเหมือนเมื่อก่อน ปล่อยตัวไม่สนใจสิ่งแวดล้อม แยกตัวเองออกจากสังคมรอบข้าง นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป เบื่ออาหารหรือทานเยอะกว่าปกติ

เมื่อพยายามจัดการด้วยตนเองแล้วก็ยังแก้ไม่ได้ สามารถเข้าปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ โดยมีวิธีการเตรียมตัวง่ายๆดังนี้

1.ศึกษาสถานที่ให้คำปรึกษาหรือโรงพยาบาลที่เข้ารับการปรึกษา ควรเลือกที่สะดวกเดินทางเพราะอาจต้องพบเข้ารับการปรึกษามากกว่า 1 ครั้ง

2.โทรนัดหมายและสอบถามรายละเอียดการเข้าพบ

3.เตรียมเอกสารข้อมูลส่วนบุคคล

4.อาจชวนญาติ คนใกล้ชิด เพื่อช่วยฟังคำแนะนำและให้ข้อมูล

หรือหากไม่สะดวกเดินทางแบบพบตัว ก็สามารถใช้บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ได้ทันที

บทความที่มาจาก

ดร.กัณฐรัตน์ เหลืองอ่อน

CEO - ME HUG ศูนย์บริการด้านสุขภาพจิต

และส่งเสริมพัฒนาการทุกช่วงวัย